About Essential Oil

What are Pure Essential Oils?

Pure Essential Oils are highly concentrated substances extracted from various parts of aromatic plants and trees. The aromatic substances from parts, such as petals, leaves, roots, barks, fruits, peels, roots or the whole plant are usually captured by steam distillation extraction method. The essence extracted from these parts are highly volatile and will evaporate quickly if left in the open air. The chemistry components of pure essential oil is very complex. Most consist of hundreds of components, such as terpenes, alcohols, aldehydes and esters. For this reason, a single oil can help a wide variety of disorders. For instance, Lavender is endowed with antiseptic, anti-bacterial, antibiotic, anti-depressant, analgesic, decongestant and sedative property, while Geranium consists of Geranic Acid, geraniol, Citronellol, Linalool, Myrtenol, Terpineoll, Citral, Methone, Eugenol and Sabinene that offer

อ่านเพิ่มเติม »
About Essential Oil

How Do Essential Oils Work?

While each essential oil has its own unique properties, many also share some common therapeutic actions. All plant essences are antiseptic to a greater or lesser degree. Some oils are endowed with antiviral properties such as Garlic and Tea Tree, which have the most powerful on the antiviral properties. Many essences, notably Rosemary and Juniper, are also antirheumatic. When rubbed into the skin, they stimulate blood and lymphatic circulation and increase oxygen to the painful areas, which in turn aids the elimination of tissue wastes which contribute to the pain of arthritic and rheumatic complaints. There are many uses of essential in the medical aromatherapy such as treating Hormonal Imbalances. A major area of influence is the effect of essential oils upon the female reproductive system. Essences such as chamomile,

อ่านเพิ่มเติม »
About Essential Oil

Essential Oil Extraction Methods

Steam Distillation The distillation process involves heating the plant material until a vapour is formed, then cooling the vapour until it becomes liquid. In water distillation, the plant material is covered in water and heated in a vacuum-sealed container. This method is slower and sometimes inferior to steam distillation, because certain delicate components of essential oils are damaged by exposure to heat. The more efficient steam distillation uses steam under pressure to swiftly extract the essential oil. It is the most common method of extraction. Plant material is heated by steam in a still, and the volatile parts present in the plant evaporate into the steam. These vapours are carried along a closed outlet, and are cooled and condensed by being passed through a cold-water jacket. The resulting water is

อ่านเพิ่มเติม »
About Essential Oil

น้ำมันหอมระเหยชนิด Blend คืออะไร

คือการนำน้ำมันหอมระเหยชนิดกลิ่นเดี่ยว (single) เช่น น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ น้ำมันหอมระเหยกระดังงา น้ำมันหอมระเหยผิวส้ม และอื่นๆ หลายชนิดมา blend รวมกันตามคุณสมบัติและกลิ่น เพื่อสร้างกลิ่นพิเศษและสร้างกลิ่นบำบัดใหม่สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะตามหลักการการกลิ่นบำบัด (Aromatherapy) น้ำมันหอมระเหยชนิดเบลนด์ของ Chommpinn ใช้อย่างไร การสูดดม สูดดมจากขวดโดยตรง กระจายกลิ่นโดยใช้เครื่องช่วยกระจายกลิ่น (Aroma Diffuser) หยดบนกระดาษทิชชู่แล้วสูดดม หลักการพื้นฐานของ aromatherapy  คือ การสูดดมสารประกอบระเหยในพืชเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับพลังบำบัดจากน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ เมื่อเราสูดดมน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์เข้าทางจมูก โมเลกุลขนาดจิ๋วของน้ำมันหอมระเหยจะเดินทางผ่านตัวกรองกั้นระหว่างเลือดและสมอง (blood brain barrier) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ของตัวกรองกั้นคือป้องกันสมองจากสารพิษ หรือสารเคมีที่ไม่พึงประสงค์ชนิดต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบ olfactory และ limbic ที่ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการการแสดงออกทางอารมณ์ และกักเก็บความทรงจำต่างๆ โดยแต่ละชนิดของน้ำมันหอมระเหยก็จะออกฤทธิ์แตกต่างกัน กล่าวคือ คือเมื่อสูดดมน้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมจะไปกระทบกับเซลล์ประสาทบริเวณโพรงจมูกซึ่งส่งสัญญาญไปยังสมองให้สั่งให้ต่อมต่าง ๆ หลั่งฮอร์โมนที่แตกต่างกันออกมา ผลที่ได้คือช่วยให้รู้สึกสงบ ช่วยผ่อนคลายหรือกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยบรรเทาความรู้สึกที่สับสนหรือหงุดหงิด ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานและความกังวล ให้ความรู้สึกมีพลังและสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ให้ความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง แก้โรคซึมเศร้า และอาการป่วยทางจิตต่าง ๆ คุณสมบัติจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสารประกอบธรรมชาติที่มีในน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด เช่น ลาเวนเดอร์ช่วยให้ผ่อนคลาย ยูคาลิปตัสและโรสแมรี่ช่วยให้สดชื่น เป็นต้น ทาบนผิวหนัง หากคุณเพิ่งใช้น้ำมันหอมระเหยทาผิวเป็นครั้งแรก เราแนะนำให้เจือจาง (dilute) ใน “น้ำมันเบส” หรือ carrier oil ก่อน เพื่อลดความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยจนอยู่ในระดับที่สามารถใช้บนผิวหนังได้อย่างปลอดภัย “น้ำมันเบส”ที่เราแนะนำให้ใช้ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าวชนิด fractioned, น้ำมันโจโจบา น้ำมันรำข้าว หรือคุณอาจเลือกใช้น้ำมันจากพืชอื่นๆที่คุณชอบ การเจือจางน้ำมันหอมระเหยกับน้ำมันเบสจะช่วยให้คุณรู้ว่าต้องใช้น้ำมันทั้งสองในอัตราส่วนเท่าไหร่จึงจะพอดีกับผิวของคุณ โดยอาจเริ่มจากการใช้นำมันหอมระเหย 1 หยดต่อน้ำมันเบส 5-10 หยดก่อน และสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกตามอัตราส่วนที่เหมาะสม FacebookFacebookXTwitterLINELine

อ่านเพิ่มเติม »
About Essential Oil

การเก็บรักษาและข้อพึงระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหย

การเก็บรักษาและข้อพึงระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหย น้ำมันหอมระเหยเป็นสิ่งที่สามารถระเหยได้ง่ายและรวดเร็วเมื่อถูกกระทบโดยอากาศ ความร้อน หรือแสงไฟ ผู้ใช้จึงควรเก็บน้ำมันหอมระเหยไว้ในขวดแก้วทึบแสงที่ป้องกันน้ำมันหอมระเหยจากแสงภายนอกที่จะทำลายคุณภาพของน้ำมันหอมระเหย และปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการระเหยออกสู่อากาศ ควรเก็บไว้ในที่ ๆ มีอุณภูมิพอเหมาะ คือประมาณ 18-20 องศาเซลเซียส หรืออาจเก็บไว้ในตู้เย็นก็ได้ ถึงแม้ว่าน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด จะมีอายุการใช้งานแตกต่างกัน แต่น้ำมันหอมระเหยส่วนมาก จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี แล้วหลังจากนั้นจะค่อย ๆ เสื่อมคุณภาพอย่างช้า ๆ ยกเว้นน้ำมันหอมระเหยประเภท ซิทรัส ซึ่งได้แต่พืชตระกูลส้ม ที่จะมีอายุใช้งานสั้นอยู่ที่ 9-18 เดือน ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหย เก็บน้ำมันหอมระเหยไว้ในที่ปลอดภัยจากเด็กและสัตว์เลี้ยง ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยเป็นยาภายในเด็ดขาด เว้นเสียแต่ได้รับการแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวโดยตรง เนื่องจากความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยอาจทำให้เิกิดการระคายเคืองได้ ระวังไม่ควรขยี้ตาหรือสัมผัสผิวหนังส่วนที่อ่อนบางในขณะที่กำลังใช้น้ำมันหอมระเหยอยู่ เนื่องจากอาจมีน้ำมันหอมระเหยติดอยู่ที่มือได้ น้ำมันหอมระเหยบางชนิดมีผลทำให้สมองสั่งงานให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในช่วง 1-3 เดือนแรก จึงห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างเด็ดขาดเพราะอาจเกิดอันตรายกับครรภ์ได้ ถ้าต้องการใช้ ควรใช้หลังจากช่วง 5 เดือน เจือจางน้ำมันหอมระเหยในปริมาณที่น้อยกว่า 1% ก่อนใช้ทุกครั้ง และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์อย่างละเอียด เจือจางน้ำมันหอมระเหยให้เหมาะกับผู้ที่ใช้และประเภทการใช้งาน สำหรับเด็กและผู้มีผิวแพ้ง่าย ควรเจือจางให้ไม่เกิน 1% ไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยกับเด็กแรกเกิดที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้มีความรู้ก่อนการใช้น้ำมันหอมระเหยทุกครั้ง น้ำมันหอมระเหยในตระกูลส้มจะไวต่อแสงแดด จึงควรหลีกเลี่ยงการถูกแดดหลังจากนวดตัวด้วยน้ำมันประเภทนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยชนิดเดิมซ้ำ ๆ กันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนทุก ๆ 9-12 สัปดาห์ และหยุดใช้ซักพักก่อนกลับมาใช้ใหม่ ก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยไม่ว่าชนิดใด ๆ ผู้ใช้ควรทดสอบว่ามีอาการแพ้น้ำมันชนิดนั้น ๆ รึเปล่า ทุกครั้ง วิธีทดสอบการแพ้น้ำมันหอมระเหยทำได้โดยหยดน้ำมันหอมระเหยลงบนสำลี แล้วแต้มที่บริเวณข้อมือหรือข้อพับแขน แล้วปล่อยทิ้งไว้สังเกตุการณ์ประมาณ 12 ชั่วโมง ถ้ามีอาการคันหรือผื่นแดงขึ้น แสดงว่าอาจมีอาการแพ้น้ำมันหอมระเหย จึงควรหลีกเลี่ยงน้ำมันหอมระเหยชนิดนั้น ถ้ามีอาการแสบและคันมาก ให้ใช้น้ำมัน Sweet Almond หรือน้ำมันมะพร้าว ทาบริเวณที่คัน แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น FacebookFacebookXTwitterLINELine

อ่านเพิ่มเติม »
About Essential Oil

น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ของแท้ vs. น้ำมันหอมสังเคราะห์ (ของเทียม)

น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ของแท้ vs. น้ำมันหอมสังเคราะห์ (ของเทียม) เนื่องจากกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์ที่อาจหอมถูกใจผู้ใช้มากกว่ากลิ่นของน้ำมันหอมระเหยแท้จากธรรมชาติ แต่อย่าลืมว่า ผู้ใช้จะได้รับเพียงความรู้สึกพึงพอใจทางกลิ่นเท่านั้น โดยไม่มีผลในการบำบัดรักษาตามคุณสมบัติของพืชแต่ละชนิดเหมือนกับที่ได้รับจากน้ำมันหอมระเหย อีกทั้งสารเคมีที่ใช้สังเคราะห์นั้น ยังอาจเป็นอันตรายกับระบบทางเดินหายใจของผู้ใช้หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอีกด้วย ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยธรรมชาตินั้นจะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผู้ใช้จึงควรพิจารณาให้ดีถึงความคุ้มค่า และความปลอดภัยที่ได้รับจากการใช้น้ำมันหอมระเหย เปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันสังเคราะห์ ข้อแตกต่างด้านราคาระหว่างน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากธรรมชาติ และน้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์ น้ำมันหอมระเหย Jasmine ที่สกัดจากดอกมะลิจริง ๆ ราคาอยู่ที่หลักแสนบาทต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์มีราคาไม่เกิน 5,000 บาท น้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกไม้ไทยส่วนมากที่ขายในประเทศ จะเป็นกลิ่นสังเคราะห์เกือบทั้งหมด เนื่องจากการปลูกและสกัดยังมีต้นทุนที่สูงกว่ามาก เนื่องจากราคาน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติแนวดอกไม้ไทยมีราคาสูงมาก หลาย ๆ ที่จึงนิยมใช้กลิ่นสังเคราะห์ (fragrance) เป็นการทดแทน เหตุผลที่น้ำมันหอมระเหยหลาย ๆ ชนิดมีราคาแตกต่างกันไป น้ำมันหอมระเหย Melissa แท้ มีราคาประมาณ 200,000-275,000 บาทต่อ 1 ลิตร นั่นเป็นเพราะต้องใช้ใบ Melissa กว่า 6 ตัน เพื่อที่จะสกัดให้ได้ 1 ลิตร น้ำมันหอมระเหย ดอกกุหลาบดามัส มีราคาประมาณ 850,000 บาทต่อ 1 ลิตร นั่นเป็นเพราะต้องใช้ดอกกุหลาบกว่า 3 ตัน เพื่อที่จะสกัดให้ได้ 1 ลิตร น้ำมันหอมระเหย Palmarosa, Lemongrass, Citronella มีราคาถูก เพราะว่าใช้วัตถุดิบไม่มากในการสกัดน้ำมันหอมออกมาให้ได้ 1 ลิตร แต่เนื่องจาก Melissa มีกลิ่นที่คล้ายคลึงกับ Lemongrass กับ Citronella จึงมีผู้ค้าบางรายที่นำน้ำมันหอมระเหยราคาถูกนี้มาผสมกันให้ได้กลิ่นใกล้เคียงกับน้ำมันหอมระเหยราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของ Melissa อย่างที่กล่าวมาข้างต้น หรือแม้แต่น้ำมันหอมระเหยดอกกุหลาบ ที่สามารถนำ Palmarosa มาผสมกับน้ำมันบางตัวให้ได้กลิ่นคล้ายคลึงกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อจะต้องซื้อกับผู้ขายที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่า สินค้าที่ได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป หลักการเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติให้ได้ของแท้ และวิธีการเปรียบเทียบกับกลิ่นสังเคราะห์ น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติจะใช้คำว่า Pure Essential Oil ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์จะใช้คำว่า Aromatic Oil, Fragrance Oil หรือ Perfume Oil ดังนั้น หากต้องการให้แน่ใจว่าได้น้ำมันหอมระเหยแท้ที่สกัดจากพืชธรรมชาติ ควรตรวจสอบน้ำมันหอมระเหยที่ฉลากระบุไว้ดังกล่าวให้ดี การนำน้ำมันหอมระเหยชนิดสังเคราะห์ที่ได้กลิ่นเหมือนกันมาใช้แทนน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ จะไม่มีประโยชน์ในการบำบัดเว้นแต่กลิ่นหอมที่ถูกใจเท่านั้น โดยส่วนมาก กลิ่นแรกหลังจุดอาจจะรู้สึกทึบและหนัก ต่างกับน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติที่ให้กลิ่นที่เบาสบายกว่า สำหรับบางคนที่แพ้กลิ่นฉุน การใช้น้ำหอมสังเคราะห์อาจทำใหรู้สึกวิงเวียนคลื่นไส้ได้ง่าย หากน้ำมันหอมระเหยบรรจุอยู่ในขวดแก้วใส คุณสมบัติหรือประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยจะถูกทำลายด้วยแสงที่มากระทบ กลิ่นหอมจะไม่คงทน และประโยชน์ในการบำบัดก็จะลดลงตามไปด้วย วิธีการเลือกซื้อที่ถูกต้อง คือ น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติต้องเก็บไว้ในภาชนะแก้วสีทึบและปิดสนิท เพื่อป้องกันแสงแดดและอากาศไม่ให้ทำลายองค์ประกอบในน้ำมันหอมระเหย เช่น ขวดแก้วสีน้ำตาล สีน้ำเงิน หรือสีเขียว เป็นต้น หลีกเลี่ยงการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดพลาสติก หรือมีจุกยาง เนื่องจากคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยแท้จะละลายพลาสติกหรือจุกยางได้

อ่านเพิ่มเติม »

Main Menu