ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวหน้าและหนังศีรษะชอง Chompinn (ชมภิญญ์) ทุกตัว มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติ (Virgin Oil) เพราะโครงสร้างโมเลกุลของน้ำมันพืชส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างของน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติของคนเรา ดังนั้นการเติมน้ำมันลงไปที่ผิวจึงเป็นการให้อาหารผิวโดยตรง เพื่อทดแทนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติผิวที่หายไปอันเนื่องมากจากมลภาวะและความเสื่อมของเซลล์ตามวัยที่มากขึ้น

น้ำมันที่เราเลือกใช้มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีความจำเป็นต้องเติมสารเคมีสังเคราะห์ใดลงไปอีก จึงปลอดภัยและสามารถใช้ได้ในระยะยาวโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เพราะ Chompinn (ชมภิญญ์) เชื่อเรื่องความเป็นองค์รวมและการผสมผสานคุณค่า ผลิตภัณฑ์ของเราจึงมีการเบลนด์น้ำมันธรรมชาติหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความหลากหลายและนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุด

น้ำมันจากพืชธรรมชาติที่เราใช้

น้ำมัน ชื่อวิทยาศาสตร์ แหล่งเพาะปลูก วิธีการสกัด ส่วนที่ใช้กลั่น องค์ประกอบสำคัญ
Rosehip Extra Virgin Oil USDA Certified Organic Rosa rubiginosa South Africa Cold Pressed Rose Hip Seeds Linoleic acid, Oleic acid, Linolenic acid, Lycopene, Beta-carotene, Vitamin A C, E
Argan Oil Argania spinosa Morocco Cold Pressed Argan Nuts Oleic acid, Linoleic acid
Moringa Seed Oil Moringa oleifera Kenya Mechanically Cold Pressed Moringa Kernels Oleic acid, Behenic acid
Jojoba Golden Oil Immondsia chinensis Southwestern United States Cold Pressed Jojoba Seeds Gadoleic Acid (Eicosenoic Acid), Erucic Acid, Oleic Acid, Palmitic Acid, Palmitoleic Acid, Stearic Acid, Behenic Acid, Vitamin E, and Vitamin B Complex
Coconut Extra Virgin Oil Cocos nucifera Thailand Cold Pressed Coconut flesh lauric acid, myristic acid, palmitic acid, caprylic acid, capric acid, stearic acid

Grape Seed Oil

น้ำมันสกัดเย็นจากเมล็ดองุ่นตัวนี้ได้จากไร่องุ่นที่ปลูกและดูแลด้วยวิธีตามธรรมชาติจาก South Africa ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำของโลก และผู้ผลิตยังผ่านการรับรอง Certified Organic จาก USDA และ Soil Association Certification Limited ของประเทศอังกฤษในการรับรองคุณภาพการปลูกและดูแลว่ามาจากธรรมชาติ 100% และไม่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการเพาะปลูกและผลิต น้ำมันจากเมล็ดองุ่นนี้ สกัดด้วยวิธีการบีบเย็นเมล็ดองุ่นที่เหลือจากการกระบวนการผลิตไวน์ด้วยเครื่องไฮดรอลิค ปราศจากความร้อนที่จะทำลายคุณสมบัติของสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในวัตถุดิบ ทำให้ได้น้ำมันที่มีสีเขียวเข้มและกลิ่นหอมอบอวลของไวน์องุ่นที่มีคุณค่าของสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวลดเลือนริ้วรอยและช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นอยู่เสมอ

น้ำมันเมล็ดองุ่นแบบสกัดเย็นเป็นน้ำมันที่แทบไม่มีขายทั่วไปเนื่องจากส่วนมากจะเป็นแบบสกัดร้อนเท่านั้น ซึ่งทั้งเกรด Virgin และ Refined Grade มีข้อแตกต่างกันอย่างมาก น้ำมันเกรดสกัดเย็น หรือ Grapeseed Virgin Oil จะมีสีเขียวเข้มและมีกลิ่นหอมอบอวลของไวน์องุ่นอย่างดี ส่วนน้ำมันเกรดสกัดร้อนหรือ Grapeseed Refined Oil ที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด จะเป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดขั้นที่สองของเมล็ดองุ่นหลังจากน้ำมันสกัดเย็นถูกบีบออกไปหมดแล้ว มีสีเหลืองหรือเขียวอ่อน ๆ ทำให้แบบ Refined Grade มีคุณค่าสารอาหารและการบำรุงน้อยกว่าแบบ Virgin Grade แต่ว่าจะมีเนื้อน้ำมันที่ใสบางเบา ซึมลงผิวรวดเร็ว ไม่มีกลิ่น และมีราคาถูกกว่ามาก จึงได้รับความนิยมในการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ทั่วไปมากกว่า ในขณะที่น้ำมันเมล็ดองุ่น Virgin Grade มักจะถูกนำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ หรือใช้ในงานเฉพาะทางที่ต้องการคุณสมบัติมากกว่า

Rosehip Extra Virgin Oil

โรสฮิปมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาของประเทศชิลี อาร์เจนตินา และทวีปแอฟริกา น้ำมันโรสฮิปสกัดเย็นจากไร่ออแกนิคส์ตัวนี้ เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยสารประกอบสำคัญต่าง ๆ เช่น กรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และอื่น ๆ น้ำมันโรสฮิปมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟู กระตุ้นสร้างเซลล์ใหม่และชะลอความเสื่อมของผิวให้อ่อนวัยอยู่เสมอ น้ำมันสกัดจากผลสีแดงที่เติบโตขึ้นมาหลังจากที่ส่วนดอกได้ร่วงลงไปแล้ว มีสีส้มกลิ่นหอมหวานบ่งบอกถึงคุณภาพที่ดีเยี่ยมและอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ มีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นอยู่เสมอ น้ำมันสามารถซึมลงสูงผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผิวเนียนเรียบ เหมาะสำหรับนำไปผสมในครีมบำรุงผิวรักษาผิว ครีมทาหน้าเพื่อลดเลือนริ้วรอย รอยหมองคล้ำ หรือรอยแผลเป็นจากสิว ใช้ทาบริเวณแขนเพื่อช่วยให้ชุ่มชื่นและเนียนเรียบ หรือทาบริเวณสะโพกและต้นขาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันรอยแตกลาย

Argan Virgin Oil

อาร์แกนเป็นพืชที่เติบโตตามธรรมชาติเฉพาะบริเวณพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของโมรอคโคเท่านั้น ลำต้นมีความสูงเฉลี่ย 8-10 เมตร อาจมีอายุยืนยาวถึง 200 ปี ต้นอาร์แกนมีระบบรากที่ค่อนข้างลึกและมีความทนต่อสภาพแวดล้อม สามารถดำรงอยู่ได้ถึงแม้ขาดน้ำเป็นระยะเวลานาน ต้นอาร์แกนได้ชื่อเรียกโดยคนท้องที่ว่าเป็น “Tree of Life” เนื่องจากทุก ๆ ส่วนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก โครงสร้างต้นมีความกว้างให้ร่มเงาช่วยรักษาระบบนิเวศน์ เนื้อไม้มีความแข็งแรง สามารถนำมาใช้ก่อสร้างหรือเป็นเชื้อเพลิง ใบใช้เลี้ยงแพะ เมล็ดจากผลใช้สกัดน้ำมัน และระบบรากที่ลึกป้องกันการลุกล้ำจากทะเลทรายซาฮารา

น้ำมันอาร์แกนได้จากการสกัดเมล็ดที่อยู่ในผลของอาร์แกน ซึ่งต้นอาร์แกน 1 ต้นจะให้ผลประมาณ 8 kg. ต่อปี ผลน้ำหนักประมาณ 100 kg. จะให้ผลผลิตเมล็ดอาร์แกนประมาณ 3 kg. และนำมาสกัดน้ำมันได้ประมาณ 1 ลิตรเท่านั้น น้ำมันสกัดจากเมล็ดอาร์แกนที่ได้ เป็นน้ำมันที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด มีกรดไขมันจำเป็นหลายชนิด รวมถึง Linoleic acid หรือ Omega-6 ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์ผิวที่มีสุขภาพดี รักษาความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้น ชะลอการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ น้ำมันอาร์แกนยังมีสาร Anti-Ageing คือ gamma-Tocopherols ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติอยู่ในปริมาณที่มาก สารเหล่านี้ช่วยป้องกันการเกิด Lipid Oxidation ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และสาร Triterpenic Alcohols ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอาการอักเสบ น้ำมันอาร์แกนยังสามารถนำมาใช้ทาบำรุงให้เล็บมีความแข็งแรงได้อีกด้วย

Moringa Seed Oil

มะรุมเป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ทวีปแอฟริกา อินเดีย และประเทศไทย แต่ก็ได้มีการนำมาขยายและเพาะปลูกไปทั่วโลก มะรุมได้รับการขนานนามว่าเป็น “The Miracle Tree” เนื่องจากคุณประโยชน์ในทุกส่วนที่สามารถนำมาบริโภคได้ และมีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาร่างกายที่ดี น้ำมันสกัดได้จากส่วนเมล็ดแก่ที่อยู่ในฝักมะรุม มีสีเขียวเข้มและกลิ่นจัดอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำมันมะรุม ประกอบด้วยสารสำคัญ วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลาย ๆ ชนิด โดยเฉพาะน้ำมันมะรุมมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่เรียกว่า โอเมก้า 9 ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

จากรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันมะรุมสามารถรักษาโรคข้างเคียงเกี่ยวกับผิวหนัง ช่วยต้านเชื้อรา ลดอาการแพ้หรือผื่นคันตามผิวหนัง นอกจากนี้น้ำมันมะรุมยังสามารถใช้เป็นทางเลือกในการบรรเทาปัญหาไขข้ออักเสบหรือรูมาตอยด์ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยปรับสมดุลของร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย และสามารถนำไปบำรุงผิว ช่วยกระชับรูขุมขน ลดการอักเสบของผิว ป้องกันการเกิดสิว ลบรอยจุดด่างดำและริ้วรอยจากวัย ถือเป็นสมุนไพรที่ใช้แพร่หลายนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Jojoba Golden

โจโจบา เป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและร่างกาย มีองค์ประกอบของสารธรรมชาติที่ทำหน้าที่คล้ายกับคอลลาเจนบนผิวหนัง จึงทำให้มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวหนังได้ดีสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย รอยแผลเป็นและรักษาให้ผิวชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา น้ำมันซึมซับลงสู่ผิวได้ดีและรวดเร็วจึงทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกเหนอะหนะ ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี

Coconut Extra Virgin Oil

น้ำมันมะพร้าวได้จากกระบวนการสกัดเย็น น้ำมันที่ได้มีลักษณะใสไม่มีสีและมีกลิ่นหอมเบา ๆ ของมะพร้าวตามธรรมชาติ เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดลอริกและมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง ซึ่งมีคุณสมบัติในการเสริมสุขภาพ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคและบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี นำไปใช้บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะได้ดีมาก น้ำมันสามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วจึงเหมาะสำหรับนำไปใช้กับครีมต่าง ๆ หรือใช้บ้วนปากทำ Oil Pulling ก็ได้

Olive Extra Virgin

น้ำมันจากผลมะกอก หรือ Olive Extra Virgin เป็นเกรดที่ดีที่สุด อุดมไปด้วยคุณค่าของผลมะกอก มีสีเขียวใสค่อนข้างเข้ม มีคุณสมบัติเด่นในการนำไปใช้บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะแห้ง หรือนำไปใช้เป็นน้ำมันนวดร่างกายเพื่อบำรุงผิวและป้องกันรอยแตกลาย หรือลดอาการคัน อักเสบตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย แถมยังมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ในระดับ SPF 20 อีกด้วย

Pomegranate Virgin Oil

ทับทิมเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้านด้วยความเชื่อที่ว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ และกิ่งของทับทิมจะช่วยปัดเป่าสิ่งอัปมงคลให้ออกไปจากตัวได้ ทับทิมมีแหล่งกำเนิดมาจากแถบอิหร่าน อิสราเอล ตุรกี หรือที่เรียกว่าดินแดนเปอร์เซีย มีประวัติบันทึกไว้ยาวนานตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณในการนำมาเป็นยารักษาโรคและใช้ประโยชน์ต่าง ๆ

จากการศึกษาโดยวิทยาการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้ได้รับรู้ว่า น้ำมันสกัดจากเมล็ดทับทิมมีความพิเศษมากกว่าน้ำมันสกัดจากพืชชนิดอื่น ๆ เนื่องจากน้ำมันเมล็ดทับทิมมีกรดไขมันที่หายากชนิดหนึ่ง เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนแบบ Conjugated Fattly Acid ที่มีชื่อว่า Punicic acid อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นกรดไขมันแบบดีที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ และต้องได้รับจากอาหารเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ กรดไขมันชนิดนี้มีโครงสร้างทางเคมีที่คล้ายคลึงกับ beta-Carotene ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่ามีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ทำให้น้ำมันสกัดจากเมล็ดทับทิมมีคุณสมบัติในการป้องการกันเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และฟื้นฟู กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ โดยจากการศึกษาวิจัยของ Aston University ในเมือง Birmingham ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง Lipid Chemistry พบว่า เมื่อนำน้ำมันเมล็ดทับทิมในปริมาณ 1% ไปผสมกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ จะช่วยสร้างความเสถียรและรักษาคุณภาพ ช่วยลดอัตราการเกิดออกซิเดชั่นซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมคุณภาพของน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ น้ำมันเมล็ดทับทิมยังมีสารไฟโตสเตอรอลชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า beta-sitosterol ที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง รักษาแผล ฟื้นฟูเซลล์ผิว และต่อต้านการเกิดการผิดปกติของเซลล์ผิว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

Sesame Oil

น้ำมันงาได้รับความนิยมในการใช้มานาน มีบันทึกประโยชน์ของน้ำมันชนิดนี้ในตำราอายุรเวทของอินเดียและตำรายาของจีน มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส น้ำมันมีส่วนประกอบของกรดไขมันจำเป็นไลโนเลอิก ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระเมื่อซึมซาบลงสู่ผิวแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ให้เป็นปกติ นำมาใช้นวดเพื่อช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและลดริ้วรอยจากวัย

Virgin Oil VS Mineral Oil

Virgin oil

คือน้ำมันบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการสกัดจากพืชโดยการบีบอัดเพื่อให้ได้น้ำมันออกมา โดยไม่ใช้สารเคมีช่วยในการสกัด เพื่อให้ได้น้ำมันที่อุดมไปด้วยสารสำคัญครบถ้วน จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการกรองกลิ่นและตะกอนออกเพื่อให้ได้น้ำมันที่เหมาะสมกับการใช้งาน

Mineral Oil

หรืออาจเรียกกันว่า Petrolatum หรือ Petroleum Jelly นั้น มีหน้าตาเป็นน้ำมันใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ซึ่งที่มาก็คือเป็นสารสกัดที่เป็นผลพลอยได้มาจากการทำน้ำมันปิโตรเลียมในธุรกิจพลังงาน จึงสามารถหาได้ปริมาณมากและมีราคาถูก แถมยังไม่เน่า ไม่หืน ไม่หมดอายุ จึงมักถูกนำมาใช้ในสูตรเครื่องสำอางประเภทมอยเจอร์ไรเซอร์ ทั้งชนิดราคาถูกและแพง ทำหน้าที่ในการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพตามมาได้ หากสะสมในปริมาณมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.thegivingtown.com/th/blog/knowledge/mineral-oil

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Virgin Oil และ Mineral Oil

Virgin Oil

Mineral Oil

ได้จากพืชธรรมชาติ

มาจากกลั่นปิโตรเลียม (เป็นสารไฮโครคาร์บอนชนิดหนึ่ง)

สามารถซึมเข้าสู่เข้าสู่ผิว

เป็นฟิล์มบางๆเคลือบบนผิว ลดการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง

มีสีและกลิ่นธรรมชาติของพืชชนิดนั้น

ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่หมดอายุ

มีสารอาหารและวิตามินบำรุงผิวตามคุณสมบัติของพืชชนิดนั้น

ไม่มีสารอาหารใดๆที่ช่วยบำรุงผิว

ราคาสูง

ราคาถูก

ไม่ก่อปัญหาให้ผิวในระยะยาว

ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ หากสะสมในปริมาณมากเกิน

เป็นส่วนผสมสำคัญในเครื่องสำอางราคาสูงประเภทที่เน้นความเป็นธรรมชาติ

เป็นส่วนผสมสำคัญในเครื่องสำอางราคาถูกและราคาแพงทั่วไป

ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.botanicessence.com/

Main Menu